วันจันทร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2553

ประวัติหมีพูห์

ประวัติหมีพูห์


หมีพูห์ หรือ วินนี-เดอะ-พูห์ ( Winnie-the-Pooh) เป็นตัวละครหมีที่สร้างขึ้นโดย เอ. เอ. มิลน์ และตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อ 14 ตุลาคมค.ศ. 1926 ในหนังสือเรื่อง วินนี-เดอะ-พูห์ และ เดอะเฮาส์แอตพูห์คอร์เนอร์ (1928) เนื้อเรื่องในหนังสือมีลักษณะคล้ายกับ ป่าแอชดาวน์ ในเมือง อีสต์ซัซเซก ในประเทศอังกฤษ โดยชื่อ วินนี มาจากชื่อตุ๊กตาหมีของทหารชาวแคนาดานายหนึ่ง ซึ่งตั้งตามชื่อเมือง วินนีเพก ในประเทศแคนาดา นอกจากหมีพูห์แล้วเพื่อนในป่าที่ได้รับความนิยมได้แก่ พิกเลต ทิกเกอร์ และ อียอร์ ต่อมา วอลต์ดิสนีย์ ได้นำวินนี-เดอะ-พูห์ มาจัดทำและได้เปลี่ยนชื่อเรื่องเป็น Winnie the Pooh (โดยไม่มีเครื่องหมายขีด) และหมีพูห์ได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของดิสนีย์ หมีที่ชื่อว่า วินนี่ เดอะ พูห์ เป็นผลงานสร้างสรรค์ของเอ.เอ.ไมลน์ ( A.A.Miline) นักเขียนชาวอังกฤษ มีชื่อเต็มว่า อลัน อเล็กซานเดอร์ ไมลน์ ตำนานของหมีพูห์เริ่มจากการที่ทหารกองทัพแคนาดาได้นำหมีน้อยตัวหนึ่ง ชื่อว่า วินนี่ เพ็ก แก่ประเทศอังกฤษ เพื่อให้เป็นสัญลักษณ์ของการร่วมรบกันระหว่างกองทัพแคนาดาและอังกฤษในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 ( ค.ศ.1914-1918) หมีน้อยตัวนี้ได้ไปอยู่ที่สวนสัตว์กรุงลอนดอน ในปี 1919 ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของชาวลอนดอนมาก รวมถึงหนูน้อยคริสโตเฟอร์ โรบิน ลูกชายของนักเขียนชื่อเอ.เอ.ไมล์น หนูน้อยคริสโตเฟอร์นำชื่อวินนี่ เพ็ก ไปตั้งชื่อตุ๊กตาหมีตัวโปรดว่า วินนี่ เดอะ พูห์ โดยคำว่า “ พูห์” (Pooh) เป็นชื่อของหงส์ในกวีบทหนึ่ง ต่อมาเอ.เอ.ไมลน์ จึงเริ่มเขียนเรื่องราวของวินนี่ เดอะ พูห์ และเพื่อนพ้องของมัน โดยหนังสือวางจำหน่ายเมื่อปีค.ศ.1926 หรือ 74 ปีที่แล้ว กระทั่งปี 1996 ที่ผ่านมา ยอดขายหนังสือสูงถึง 20 ล้านเล่ม แปลเป็นภาษาต่างๆมากกว่า 25 ภาษา ในขณะเดียวกันวอลต์ ดิสนีย์ ซื้อลิขสิทธิ์หมีพูห์และนำไปสร้างการ์ตูนบนแผ่นฟิล์มในปี 1996 พร้อมกับผลิตภัณฑ์มากมายก่ายกอง ทำให้หมีพูห์เป็นตัวการ์ตูนยอดนิยมอันดับ 2 ของเด็กอเมริกันรองจากมิกกี้ เม้าส์ หมีพูห์รู้ดีว่าเขาต้องการอะไรเมื่อ “ ท้องเริ่มส่งเสียงร้อง” นั่นคือ น้ำผึ้งไง! อืม... แต่จะทำอย่างไรหากเขาพบเพียงโถเปล่าที่มีน้ำผึ้งเหนียว ๆ ติดอยู่เพียงนิดเดียวเท่านั้น “ งั้นเราก็ต้องช่วยจัดการให้โถเกลี้ยงเร็ว ๆ หน่ะสิ” เจ้าหมีสมองเล็ก (แต่บางครั้งก็ฉลาดล้ำลึก) ตัวนี้อาจพยายามหลอกเจ้าผึ้งขี้สงสัยว่ าตัวเขาคือเมฆฝนสีดำก้อนใหญ่ หรือถ้าคิดอีกที การแวะไปบ้านกระต่ายเพื่อหาขนมหวานทานดูจะเป็นเรื่องง่ายกว่า ( และเจ็บตัวน้อยกว่าด้วย) แต่ไม่ว่าพูห์จะเลือกทำอะไรก็มักจะมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นเสมอ เช่น ติดอยู่ในรูกระต่าย แคบ ๆ และไม่สามารถขยับเขยื้อนตัวออกมาได้ เป็นต้น แต่ก็นั่นแหล่ะ เขามักจะหาทางออกได้เสมอ เพราะแม้สมองของเขาจะเต็มไปด้วยนุ่น แต่เพื่อนรักของคริสโตเฟอร์ โรบิน หรือที่ใคร ๆ เรียกว่าเจ้าหมีแก่จอมงี่เง่าตัวนี้มีจิตใจที่งดงาม ในชีวิตจริง วินนี่ย์เดอะพูห์ ( หรือที่รู้จักกันในชื่อ เอ็ดเวิร์ดแบร์ ในช่วงแรกเมื่อเขาปรากฏตัวใน ‘When We Were Very Young’ คือ ของเล่นสุดรักสุดหวงของคริสโตเฟอร์ มิลล์ ( ลูกชายของเอ. เอ. มิลล์) ซึ่งได้รับเจ้าหมีน้อยตัวนี้เป็นของขวัญครบรอบหนึ่งขวบของเขาใน ปี 1921 ปัจจุบัน วินนี่ย์เดอะพูห์ถูกจัดแสดงให้แฟน ๆ ของการ์ตูนเรื่องดังกล่าวได้ชมกันที่ Children’s Reading Room ใน New York Public Library บนถนน West 53rd Street ผู้ให้เสียงสำหรับตัวการ์ตูนตัวนี้ คือ สเตอร์ลิง ฮอลโลเวย์ ซึ่งเป็นนักแสดงชื่อดังและนักพากย์ที่สตูดิโอดิสนี่ย์ ภาพยนตร์การ์ตูนเรื่องวินนี่ย์เดอะพูห์ ภาพยนตร์การ์ตูนเรื่องแรกของทางสตูดิโอที่นำวรรณกรรมเยาวชนอันแสนน่ารักของเอ. เอ. มิลล์ ถ่ายทอดสู่แผ่นฟิล์ม วินนี่ย์เดอะพูห์และผองเพื่อน , คริสโตเฟอร์ โรบิน, เจ้าลาอีออร์, นกฮูก, แคงก้า และเบบี้รู รวมถึงกระต่ายและโกเฟอร์ ต้องเผชิญกับฝูงผึ้งและรังน้ำผึ้ง อันแสนหอมหวาน มีการดัดแปลงเรื่องราวดั้งเดิมของเจ้าหมีเท็ดดี้แบร์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกตัวน ี้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดที่สุดคือการเพิ่มตัวละครใหม่ นั่นคือ โกเฟอร์ นี่คือภาพยนตร์การ์ตูนพิเศษขนาดสั้นกำกับโดย วูลฟแกงค์ ไรเดอร์แมน ทีมพากย์เสียงโดย สเตอร์ลิง ฮอลโลเวย์ ( พูห์) , บรูซ ไรเดอร์แมน (คริสโตเฟอร์ โรบิน), ราล์ฟ ไรต์ (อีออร์), โฮวาร์ด มอร์ริส (โกเฟอร์), บาบาร่า ลัดดี้ (แคงก้า), ฮัล สมิธ (นกฮูก), จูเนียส แมธธิวส์ (กระต่าย) และคลินต์ โฮวาร์ด (รู) ความยาว 26 นาที เซบาสเตียน เคบอตต์ ผู้ดำเนินเรื่อง และเพลงประกอบภาพยนตร์โดย ริชาร์ด เอ็ม. และ โรเบิร์ต บี. เชอร์แมน สเตอร์ลิง ฮอลโลเวย์ได้รับคำชมเชยอย่างมากจากการพากย์เสียงเป็นพูห์และเป็นส่วนหนึ่ง ที่ทำให้หนัง ประสบความสำเร็จ เป็นแรงบันดาลใจให้เกิดภาคต่ออีก 3 ตอน รวมถึงการนำตอนต่อทั้งหมดออกฉายรวมกันด้วย

ประวัติMickey Mouse

ประวัติ
มิกกี้เมาส์ Mickey Mouse
วอลเตอร์ อีเลียส ดิสนีย์ (Walter Elias Disney) (5 ธันวาคม 2444 - 15 ธันวาคม 2509, ค.ศ. 1901-1966) เป็นผู้สร้างผลงานการ์ตูนที่แพร่หลาย และประสบความสำเร็จมากที่สุดของโลกคนหนึ่ง เขาเป็นผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท วอลต์ ดิสนีย์ และเป็นคนสร้างภาพยนตร์การ์ตูนสีเป็นคนแรก เขาเริ่มทำการ์ตูน มิกกี้เม้าส์ (Mickey Mouse)และ โดนัลด์ดั๊ก (Donald Duck) และเริ่มทำหนังยาว เช่น สโนว์ไวท์กับคนแคระทั้งเจ็ด (Snow White and the Seven Dwarfs), แฟนตาเซีย (Fantasia), พินอคคิโอ (Pinocchio) และ แบมบี้ (Bambi)
ตลอดเวลา 43 ปีในอาชีพของดิสนี่ย์ เขาเป็นผู้พัฒนาเทคนิคการถ่ายภาพยนตร์ให้ทันสมัยมากขึ้น เป็นผู้ริเริ่มการสร้างสรร ผลงานที่มีจินตนาการสูง ทำให้ได้ผลงานที่คนทั้งโลกประทับใจไม่รู้ลืม โดยดิสนี่ยได้รับรางวัลออสการ์ไปถึง48รางวัล และ รางวัลเอมมี่ อีก7รางวัล วอล์ท ดิสนี่ย ( วอลเตอร์ เอเลียส ดิสนี่ย์ )ผู้ให้กำเนิด มิคกี้ เมาส์ และเป็นผู้ก่อตั้งสวนสนุกดังระดับโลกอย่าง ดิสนี่ย์ เวิร์ลด์ เกิดเมื่อ 5 ธันวาคม 1901 ที่ชิคาโก้ รัฐอิลลินอยส์ เติบโตในครอบครัวชาวนาในมิสซูรี่ ดิสนี่ย์เริ่มสนใจในการวาดรูปเมื่ออายุ 7 ปี และสนใจในการเรียนวาดรูปและถ่ายรูปเมื่ออยู่ที่แม็คคินเลย์ ไฮสคูล
ในปี1918 ดิสนี่ย์ก็ได้ เข้าร่วมกับหน่วยกาชาติ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่1 พอหลังจากสงครามโลกครั้งที่1สงบ ดิสนี่ย์ก็กลับไปยังแคนซัส ซิตี้ ที่ๆเขาเริ่มทำงานด้านการเขียนการ์ตูนประกอบโฆษณาที่นี่ ในปี1920 ดิสนี่ย์ได้ออกแบบ ตัวการ์ตูนที่เป็นแบบฉบับของตัวเองและ เรียนรู้วิธีที่จะทำให้ตัวการ์ตูนนั้นเคลื่อนไหวได้ ในเดือนสิงหาคมปี 1923 ดิสนี่ย์ก็ไปที่ฮอลลิวู้ดเพื่อก่อตั้งสตูดิโอที่นั่น และในปี1928 ดิสนี่ย์ได้สร้าง มิคกี้ เมาส์ และ ปรากฎครั้งแรกในหนังการ์ตูนเงียบที่ชื่อว่าPlane Crazy แต่ว่า ก่อนที่การ์ตูนเรื่องนี้จะออกฉายนั้น ก็เริ่มมีการนำเสียงมาใส่ในภาพยนตร์ ทำให้มิคกี้ เมาส์ก็ได้ปรากฎอยู่ในหนังการ์ตูนที่มีการใส่เสียงเรื่องแรกในโลกที่มีชื่อว่า Steamboat Willie ในวันที่ 18 พฤศจิกายน 1928
ดิสนี่ย์ก็ได้พัฒนาเทคนิคการทำภาพยนตร์ต่อไปโดยไม่มีที่สิ้นสุด เทคนิคการใส่สีในภาพยนตร์อนิเมชั่นก็ถูกนำมาใช้ในหนังอย่าง Silly Symphonies ปี 1932 หนังเรื่องFlowers and Treeของ Walt ก็ได้รับรางวัลออสการ์ครั้งที่32 ในปี1937 ดิสนี่ย์ได้สร้างหนังเรื่อง The Old Mill ซึ่งเป็นหนังสั้นที่นำเอาเทคนิคของmultiplane camera มาใช้ ในวันที่ 21 ธันวาคม ปี1937 ดิสนี่ย์ก็ได้ถือกำเนิด สโนว์ไวท์และคนแคระทั้ง7 ซึ่งเป็นภาพยนตร์อนิเมชั่นเพลงเรื่องแรกของเขา และทำรายได้สูงในสมัยนั้น และเป็นจุดเริ่มต้นของภาพยนตร์การ์ตูนชุดยาวของดิสนี่ย์ และก็มีเรื่องอื่นๆตามมาอย่าง พิน็อคคิโอ้ แฟนตาเซีย ดัมโบ้ และ แบมบี้

ในปี1940 เบอร์แบงค์สตูดิโอของดิสนี่ย์ก็สร้างเสร็จสมบูรณ์ โดยมีเจ้าหน้าที่มากกว่า 1000 คน ซึ่งประกอบด้วย ช่างศิลป์ อนิเมเตอร์ คนเขียนบท และ ฝ่ายเทคนิค ดิสนี่ย์ก็ใช้เวลาในสตูดิโอนี้เพื่อการสร้างหนังการ์ตูน ซึ่งรวมแล้ว ทั้งหมดก็มีด้วยกันถึง81เรื่องด้วยกัน และผลงานของดิสนี่ย์ก็เป็นสื่อที่ให้การเรียนรู้ได้มากพอๆกับความบันเทิง จนทำให้ได้รับรางวัลจากเรื่องTrue-Life Adventure ซึ่งมีหนังย่อยๆอย่างThe Living Desert,The Vanishing Prairie,The African Lion,และWhite Wilderness โดยหนังเหล่านี้ได้พูดถึงการใช้ชีวิตของสัตว์ป่าทั่วโลก ในปี1955 ดิสนี่ย์ก็ได้ใช้เงินถึง17ล้านดอลล่าร์ ในการสร้างอาณาจักรบันเทิงอันยิ่งใหญ่อย่าง ดิสนี่ย์แลนด์ และปัจจุบันก็มีคนจากทั่วโลกมากกว่า 250ล้านคน เข้ามาเยี่ยมชม ส่วนงานด้านโทรทัศน์ ดิสนี่ย์ก็เริ่มต้นเมื่อปี 1954 และออกอากาศรายการทีวีที่เป็นภาพสีครั้งแรก กับรายการWonderful World of Colorในปี 1961. ส่วนรายการThe Mickey Mouse Clubและ Zorroก็ได้รับความนิยมมากจากผู้คนในยุค50

ในปี1965ดิสนี่ย์ได้มองถึงปัญหาของการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนอเมริกัน ทำให้ดิสนี่ย์ได้วางแผนที่จะสร้าง EPCOT(Experimental Prototype Community of Tomorrow) เพื่อแสดงให้เห็นถึงความคิดสร้างสรร ของอุตสาหกรรมอเมริกันที่จะช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ได้(ถ้าใครนึกออก มันก็คือลูกกอล์ฟขนาดยักษ์ที่ตั้งอยู่ในดิสนี่ย์เวิร์ลด์) ดังนั้น ดิสนี่ย์จึงซื้อที่ดิน 43 ตารางไมล์ ที่เป็นศูนย์กลางของรัฐฟลอริด้า เพื่อที่จะสร้างดิสนี่ย์ เวิร์ลด์ ซึ่งเป็นทั้งสวนสนุก โรงแรม รีสอร์ท และรวมถึง EPCOT center โดย ดิสนี่ย์ เวิร์ลด์ เปิดวันที่1 ตุลาคม ปี1971 และ EPCOT center เปิด1 ตุลาคม ปี 1982 วอล์ท ดิสนี่ย์ เสียชีวิต วันที่ 15 ธันวาคม 1966 โดยผลงานที่เขาได้สร้างสรรในด้านต่างๆไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ อนิเมชั่น โทรทัศน์ รวมถึงงานบันเทิงด้านอื่นๆนั้น ก็ยังคงเป็นที่จดจำของผู้คนทั่วโลก หรืออาจกล่าวได้ว่า เขานั้นเป็นบุคคลที่ทรงอิทธิพล ในด้านบันเทิงอีกคนหนึ่งในศตวรรษที่20 เลยทีเดียว



ประวัติโดเรม่อน



เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ.2512 (เว็บมาสเตอร์ยังไม่เกิดเลย) เป็นวันที่เริ่มตีพิมพ์การ์ตูนโดราเอม่อน จึงมีการ์ตูนเกิดขึ้นเรื่องหนึ่งเป็นเรื่องราวของ แมวหุ่นยนต์แห่งโลกอนาคตเกิดขึ้นมา พร้อมกับของวิเศษต่าง ๆ เพื่อมาช่วยเหลือโนบิตะนักเรียนชั้นประถม 4 ที่เรียนหนังสือไม่เก่ง เล่นสนุกไปวัน ๆ และโดนเพื่อน ๆ แกล้งเสมอ จนเมื่อวันหนึ่งเมื่อลิ้นชักโต๊ะในห้องนอนของโนบิตะเปิดออกเป็นการเริ่มต้นของเรื่องราวที่เต็มไปด้วยจิตนาการของเด็ก ๆ และโด่งดังมากในญี่ปุ่น และโด่งดังไปทั่วโลก เรื่องราวต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมายด้วยปลายปากกาของ อาจารย์ฟูจิโมโตะ ฮิโรชิ และอาจารย์อาบิโกะ โมโตโอะ ที่ช่วยกันสร้างโลกแห่งจิตนาการนี้ให้เกิดขึ้น และได้รับความนิยมจนมีฉบับรวมเล่ม สามารถจำหน่ายได้ถึง 100 ล้านเล่มในญี่ปุ่น หนังสือได้ตีพิมพ์เป็นภาษาต่างๆถึง 9 ภาษา และสร้างเป็นภาพยนต์การ์ตูนกว่า 1,300 ตอน
ชื่อโดราเอมอน มาจากคำว่า...โดราเนโกะ แปลว่า แมวหลงทาง เอมอน เป็นคำเรียกต่อท้ายชื่อของเด็กชายในสมัยก่อน โดราเอมอน เกิดขึ้นโดยความบังเอิญในขณะที่ 2 นักเขียนการ์ตูนชื่อฮิโรชิ ฟูจิโมโต และโมโตโอะ อาบิโกะขณะที่กำลังจินตนาการสร้างการ์ตูนตัวใหม่ด้วยความลำบากและกดดันเนื่องจากเหลือเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงจะถึงกำหนดส่งต้นฉบับิบังเอิญเหลือบเห็นตุ๊กตาของลูกสาว ทำให้นึกต่อไปถึงตุ๊กตา แมว ล้มลุก และกลายเป็นโดราเอมอนในที่สุด
อ.ฟุจิโมโตะ ฮิโรชิ ผู้แต่งการ์ตูนโดราเอม่อน
ชื่อ : อ.ฟุจิโมโตะ ฮิโรชิ เกิด : 1 ธันวาคม 1933ที่เกิด : เมืองทากาโอกะ จังหวัดโทยามะประวัติ : ชีวิตการเป็นนักเขียนการ์ตูนของท่าน เริ่มต้นเมื่อปี 1944 อาบิโกะ โมโตโอะ เด็กวัยรุ่นๆ เดียวกับท่าน ย้ายมาอยู่ที่เมือง ทากาโอกะ ทั้งคู่ได้รู้จักกันจากการเรียนชั้นเดียวกันตอนเรียนป5 ในปี 1946 ทั้งคู่ได้เลือกเรียนในโรงเรียนช่าง เทคนิคด้วยกัน ทั้งคู่เรียนสาขาไฟฟ้าเหมือนกัน และร่วมกันทำโปรเจคท์ สร้างเครื่องฉายภาพขึ้นมา และเอาการ์ตูนต่างๆ มาฉายโชว์ไป เป็นที่ฮือฮาของเด็กในละแวกนั้น
ในปี 1947 ทั้งคู่ได้อ่านการ์ตูนเรื่อง "ชินทาการะจิมะ" (เกาะมหาสมบัติใหม่) ของ อ.โอซามุ เทะซึกะ นั่นเป็นการ์ตูนที่ทำให้ทั้งคู่เกิดแรงบันดาลใจอยากเป็นนักเขียนการ์ตูน ทั้งคู่เริ่มเขียนการ์ตูนออกมา และพิมพ์จำหน่ายในละแวกบ้านเกิด ทั้งคู่เริ่มเขียนการ์ตูนมาเรื่อย เริ่มสะสมชื่อเสียงมาทีละน้อย เมื่อเริ่มมีคนรู้จัก ทั้งคู่ก็ย้ายออกจากโทยามะ มาอยู่ ในเมืองใหญ่อย่างเกียวโต ปี 1963 ทั้งคู่ได้ร่วมกับนักเขียนไฟแรงอีกหลายคนในยุคนั้น อาทิ อิชิโนโมริ โชทาโร่, สึโนดะ ชิโร่ ฯลฯ ร่วมกันสร้าง "STUDIO ZERO" ซึ่งเป็นสตูดิโอที่รับทำงานด้านอะนิเมขึ้นมา แต่ทั้งอ.ฟุจิโมโตะกับ อ.อาบิโกะ ก็ยังคงมีงานหนังสือการ์ตูนออกมาเรื่อยๆ ในหลายๆนามปากกา อาทิ อาชิสึกะ ฟุจิโอะ ในปี 1953 และชื่อ ฟุจิโกะ ฟุจิโอะ นั้นเริ่มใช้ในปี 1954 โดยแบ่งเป็น FUJIKO-F. FUJIO หมายถึง อ.ฟุจิโมโตะ ฮิโรช ิ และ FUJIKO-FUJIO A หมายถึง อ.อาบิโกะ โมโตโอะ ในปี 1970 ทั้งคู่ก้ร่วมกันสร้างงานประวัติศาสตร์ "โดราเอมอน" ขึ้นมา ยุครุ่งเรืองก็ดำเนินเรื่อยมา ในปี 1988 ทั้งคู่ก็ยุติการใช้ชื่อ ฟุจิโกะ ฟุจิโอะ และ อ.ฟุจิโมโตะ ก็ยุติบทบาทการเป็นนักเขียนการ์ตูนนับแต่ นั้นมา อ.ฟุจิโมโตะ ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 23 กันยายน 1966
ตัวละครในการ์ตูนโดราเอม่อน
Doraemon - โดราเอม่อน
โดราเอม่อนเป็นแมวหุ่นยนต์ในศษตวรรษที่ 22 แห่งโลกอนาคต อาหารที่เขาโปรดปรานที่สุดคือขนมโดรายากิ ทำด้วยถั่วแดงและแป้งหวาน โดราเอม่อนเกิดเมื่อวันที่ 3 กันยายน พ.ศ.2655 หนัก 129.3 กก. สูง 129.3 ซม. กระโดดได้สูง 129.3 ซม. และยังวิ่งได้เร็วถึง 129.3 กม. / ชม. ตัวอ้วนกลมสีน้ำเงิน สิ่งที่เขากลัวที่สุดก็คือหนู เพราะว่าโดราเอม่อนเคยถูกหนูกินหูของตัวเองจนทำให้ตอนนี้เขากลายเป็นแมวหุ่นยนต์ที่ไม่มีหู ในกระเป๋าหน้าท้องของโดราเอม่อนมีของวิเศษมากมายที่ใช้คอยช่วยเหลือโนบิตะในศตวรรษที่ 20 เพื่อให้เป็นผู้ใหญ่ที่ดีในโลกอนาคตนั่นเอง
Dorami - โดเรมี่
โนบิตะเป็นตัวละครหลักของการ์ตูนเรื่องนี้ จะว่าเป็นพระเอกเลยก็ว่าได้ มีคาเรคเตอร์ส่วนตัวคือ ขี้เกียจ , ขี้แง , ไม่เคยพึงพาตัวเอง และอ่อนแอ โนบิตะหลงรักชิซูกะเพื่อนหญิงในกลุ่มเดียวกัน และหวังว่าจะได้แต่งงานกับชิซูกะในอนาคต โนบิตะสอบได้คะแนน 0 เสมอ แถมยังโดนเพื่อน ๆ แกล้งทุกตอนอีกด้วย ซึ่งถือว่าเป็นตัวเดินเรื่องหลักของการ์ตูนเรื่องนี้ ชีวิตประจำวันของโนบิตะคือ ไปโรงเรียนสายทุกวัน , โดนครูทำโทษทุกครั้งโดยต้องออกไปยืนถือถังน้ำหน้าห้องเพราะสอบตก , โดนหมาไล่กัดประจำ , นอนหลับทุกครั้งตอนทานอาหารเย็นแล้วถูกแม่ดุ , แล้วเขาก็ตื่นสายอีกครั้งในเช้าวันต่อมา ...
Nobita Nobi - โนบิตะ โนบิ
หุ่นยนต์แมวน้องสาวของโดราเอม่อน เป็นหุ่นยนต์ที่สร้างขึ้นหลังจากสร้างโดราเอม่อนไม่นานจึงมีประสิทธิภาพสูงกว่าพี่ชาย มีตัวสีเหลือง หูสีแดง โดเรมี่มีของวิเศษเหมือนพี่ชายทุกอย่างและใช้ได้ดีกว่าอีกด้วย เขาเป็นน้องสาวที่ดีคอยช่วยเหลือโนบิตะและโดราเอม่อน แต่โดเรมี่ไม่ได้อยู่บ้านเดียวกับโนบิตะและโดราเอม่อน แต่เขาอาศัยอยู่ในศตวรรษที่ 22 และโดเรมี่จะปรากฎตัวทุกครั้งในสถานะการที่โดราเอม่อนไม่สามารถควบคุมได้
Minamoto Shizuka - โมนะโมโต ชิซูกะ
ตัวละครหลักอีกตัวที่ใคร ๆ ก็หลงรัก ชิซูกะเธอเป็นนางเอกของเรื่องที่โนบิตะต้องการจะแต่งงานด้วยในอนาคต เป็นเด็กผู้หญิงที่น่ารักเรียนเก่ง และในอนาคตเธอจะเป็นจ้าวสาวของโนบิตะจริงๆ แต่เจ้าตัวยังไม่รู้ ชิซูกะชอบอาบน้ำเป็นชีวิตจิตใจ , ใจดี , และให้อภัยกับทุก ๆ คน เธอเป็นเด็กดีเรียนเก่งได้คะแนนสอบดีมาก ตรงกันข้างกับสามีในอนาคตของเธออย่างโนบิตะที่ได้ 0 คะแนนทุกครั้ง
Honekawa Suneo - โฮเนคาว่า ซูเนโอะ
ซูเนโอะถูกสร้างขึ้นโดยมีจิตนาการให้มีหน้าตาคล้ายสุนัขจิ้งจอก ปากแหลม เขาชอบคุยโวให้เพื่อน ๆ ฟังเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวของเขาถึงฐานะทางบ้าน และซูเนโอะยังเป็นผู้รอบรู้ในเรื่องต่าง ๆ อย่างละเอียดอีกด้วย เขาได้ทุกสิ่งที่เพื่อนๆ กำลังอยากได้อย่างยากเย็น ในขณะที่เขาจะมีทุกอย่างอยู่แล้วเพราะเขาเป็นเด็กชายที่จะเรียกว่าคุณชายเลยทีเดียว และมักเอาขอบเล่นแพง ๆ มาอวดเพื่อนและสุดท้ายก็โดนไจแอนท์แย่งไปทุกครั้ง ซูเนโอะเป็นเพื่อนสนิทกับไจแอ้นท์ และชอบรังแกโนบิตะ ซูเนโอะยังคอยเป่าหูไจแอนท์ให้รังแกโนบิตะเสมอ และยังแอบหลงรักชิซูกะอีกด้วย แต่ซูเนโอะก็มีนิสัยดีอยู่บ้าง
Honekawa Suneo - โกดะ ทาเคชิ
เด็กผู้ชายตัวอ้วน และแข็งแรง ชอบแกล้งโนบิตะแต่เมื่อถึงเวลาคับขันก็จะช่วยคนอื่น ชื่อจริงชื่อทาเคชิ มีน้องสาวหนึ่งคนรักน้องสาวมาก กลัวแม่เป็นที่หนึ่ง มักจะทำคะแนนสอบไม่ค่อยดี แต่ก็ไม่เท่าโนบิตะ ไจแอนท์ไม่ค่อยชอบซูเนโอะและโนบิตะ ที่มักจะมีของเล่นแปลกๆอยู่เสมอ ชอบการร้องเพลงเป็นชีวิตจิตใจ เขามักจะ บังคับให้เพื่อนๆไปดูคอนเสิร์ตของเขาเสมอ แต่ร้องไม่เอาไหน จนคนที่ฟังอยู่ต้องคอยอุดหูไว้ตลอด มีความฝันว่า โตขึ้นจะต้องเป็นนักร้องเหมือนพี่เบิร์ด-ธงไชย แมคอินไตยให้ได้
Dekisugi - เดคิซุงิ
เดคิซุงิเป็นเด็กชายที่ตรงกันข้ามกับโนบิตะทุกเรื่อง เขาเป็นเด็กที่เรียกว่าเก่งรอบตัว ได้ที 1 ทั้เรื่องเรียน และกีฬา แถมยังนิสัยดีมากอีกด้วย และยังเป็นที่ชื่นชอบของสาว ๆ อีกด้วย จะแพ้ก็แต่ซูเนโอะเท่านั้นในเรื่องสาว ๆ เพราะว่าซูเนโอะมักจะซื้อของขวัญแพง ๆ ให้เพื่อนหญิงเสมอ เดคิซุงิเป็นเพื่อนที่ดีของชิซูกะ และชิซูกะก็ชอบไปเรียนพิเศษกับเดคิซุงิเสมอทำให้โนบิตะอิจฉา
ครอบครัวของโนบิตะ
โนบิตะอาศัยอยู่กับพ่อแม่ มีฐานะปานกลาง พ่อเป็นพนักงานบริษัทธรรมดา ส่วนแม่ของโนบิตะทำหน้าที่ดูแลบ้าน และดูแลโนบิตะ แม่ของโนบิตะจะดุโนบิตะทุกครั้งที่สอบได้คะแนน 0 หรือทุกครั้งที่โนบิตะทำของในบ้านเสียหาย โนบิตะไม่เคยได้รับของเล่นแพง ๆ จากที่บ้านเพราะฐานะทางบ้างไม่ได้ร่ำรวยอะไรมากนัก
ของวิเศษของโดราเอม่อนที่ใช้บ่อย ๆ
Takekoputa - คัปเตอร์ไม
คัปเตอร์ไม้ไผ่ ทำจากไม้ไผ่ ชื่อภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า "Take (ไม้ไผ่) Koputa (คัปเตอร์) " เมื่อจะใช้ก็นำไปวางไว้บนหัวจะทำให้สามารถบินได้ เป็นเครื่องมือที่โนบิตะและโดราเอม่อนใช้เกือบทุกตอนเพราะใช้งานง่ายและไม่ค่อยมีอันตราย สามารถบินได้ในระยะทาง 600 กม. และความเร็วประมาณ 80 กม.ต่อชม. เช่นสามารถใช้บินจากโตเกียวถึงโอซาก้าในเวลาประมาณครึ่งชม.
Taimu-mashin - เครื่องทาม์แม็คชีน
เครื่องทาม์แม็คชีนเป็นพาหนะที่สามารถใช้เดินทางย้อนเวลาไปอดีต หรือ เดินทางข้ามเวลาไปสู่อนาคตได้ โดยทางเข้าและทางออกจะอยู่ในลิ้นชักโต๊ะในห้องนอนของโนบิตะ โดราเอม่อนและเพื่อนๆ สามารถใช้เดินทางไปอนาคตได้ แต่ว่าเครื่องนี้ก็ไปส่งผิดที่ผิดเวลาบ่อย ๆ
Dokodemo-doa - ประตูสาระพัดสถานที่
หากเปิดประตูนี้ออกแล้วพูดชื่อว่าจะไปที่ไหนประตูก็จะเปิดออกไปยังสถานที่นั่นทันที ประตูเป็นประตูไม้ในแบบโบราณ เป็นเครื่องมือที่สะดวกสบายที่สุด แน่นอนว่าแฟน ๆ โดราเอม่อนต่างใฝ่ฝันถึงเครื่องมือชิ้นนี้อย่างแน่นอน
Small Light - ไฟฉายย่อส่วน
มีรูปร่าง และวิธีใช้คล้าย ๆ กับไฟฉายทั่ว ๆ ไป ใช้สำหรับย่อสิ่งของหรือขยายสิ่งของให้ใหญ่หรือเล็กก็ได้